สุขภาพดีเราต้องดูแลตนเอง นอกจากอาหาร อากาศบริสุทธิ์ และจิตใจสบายไม่เครียดแล้ว การออกกำลังให้สุขภาพดีนับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แต่มักจะมีข้อแก้ตัวบ่อยๆว่า ไม่มีเวลา ไม่มีสถานที่ ความจริงแล้วไม่ต้องใช้เวลามากมายเพียงแค่วันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ก็พอ จะเกิดผลดีต่อหัวใจและปอด และก็ไม่ต้องใช้พื้นที่มากมายหรือเครื่องมือราคาแพงอะไร มีเพียงพื้นที่ในการเดินก็พอแล้ว วิธีดีที่สุดคือการเดินเร็วหรือวิ่งเหยาะๆ ในกรณีที่สิ่งแวดล้อมของหมู่บ้านไม่สะดวกหรือเสี่ยงกับอุบัติเหตุ อาจใช้วิธีถีบจักรยานอยู่กับที่หรือเดินบนสายพานในขณะที่ฟังข่าวหรือดูละคร โทรทัศน์ ต้องถือว่าการออกกำลังกายเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวัน
มารู้จักการออกกำลังกายที่ดี
Aerobic exercise คือ การออกกำลังกายที่ไม่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง นานพอคือประมาณ 30 นาที และ หนักพอ เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ถีบจักรยาน กระโดดเชือก เต้นแอโรบิค ฯลฯ ต้องใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่(เช่น ขา หรือแขน) ร่างกายต้องใช้ออกซิเจนและดึงเอาไขมันที่เก็บสะสมอยู่มาใช้เป็นพลังงาน การออกกำลังกายแบบแอโรบิกจะทำให้หัวใจ ปอด และระบบหมุนเวียนโลหิตแข็งแรง ซึ่งก็คือวิธีการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
การออกกำลังกายจนเป็นนิสัยที่จริงต้องเริ่มตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก คือ ต้องมีพ่อแม่ผู้ปกครอง เป็นตัวอย่างตัวนำพาเด็กไปออกกำลังกาย ไม่ว่าเด็กหญิงหรือชายถ้าไม่เคยออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็กๆ จะทำให้มีปัญหาทางจิตวิทยา จะไปออกกำลังกายนอกบ้านสักทีก็เขิน กลัวคนเห็นกลัวคนจ้อง กลัวคนนินทาว่าวิ่งไม่เป็น ไม่สวย ต่างๆ นานา ทำให้เป็นอุปสรรคใหญ่ในการออกกำลังกาย วิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราออกกำลังได้คือ หาวิธีออกกำลังกายที่เราชอบ เข้ากับนิสัยของเรา หรือการเล่นกับเด็ก ก็เป็นเรื่องที่ดี บางครั้งถ้าเราเบื่อการวิ่งระยะทาง เราก็อาจจะลองไปเดินตามโรงเรียน ที่มีเด็กๆ เล่นกีฬาแล้วเข้าไปเล่น ทำตัวเป็นเด็กๆ เช่นเล่นบาสเก็ตบอล ฟุตบอล การเล่นแบบนี้ ทำให้เพลิดเพลินและเล่นได้นาน
7 เทคนิคสู่การออกกำลังกายอย่างถูกวิธี
วันนี้เรามีเทคนิคในการออกกำลังกายที่ถูกวิธีมาแนะนำค่ะ รับรองว่าเป็นประโยชน์ต่อสาวๆ รักสุขภาพเป็นอย่างมากเลยล่ะ งั้นเรามาดูพร้อมๆ กันเลยว่าสิ่งดีๆ ที่ว่านี้เป็นอย่างไรกันบ้างเอ่ย
1. การออกกำลังกายให้ได้ผลดีที่สุดคือ คุณไม่ควรออกกำลังกายน้อยกว่า 30 นาที/ครั้ง และไม่ควรน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ ทางที่ดีควรจะหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเข้าไว้นะคะ ร่างกายจะได้ปรับสมดุลอย่างสมบูรณ์แข็งแรง
2. ถ้าเหนื่อยจากการออกกำลังกายก็หยุดนะคะ อย่าออกกำลังกายแบบหักโหม อย่าฝืนสังขารตัวเองและกำลังของตัวเองเด็ดขาด เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาดได้ง่ายและเกิดอันตรายต่อร่างกายได้
3. ก่อนออกกำลังกายทุกครั้งควรวอร์มร่างกายก่อนนิดนึงนะคะ เพื่อเป็นการปรับอุณหภูมิให้ร่างกายพร้อมและเตรียมกล้ามเนื้อเพื่อยืดและคลายตัวอย่างยืดหยุ่น ส่วนเวลาที่ออกกำลังกายเสร็จก็ควรวอร์มอัพด้วยเช่นกัน เพื่อช่วยลดการปวดเมื่อยในวันรุ่งขึ้นยังไงล่ะคะ
4. เวลาที่ออกกำลังกายในช่วงแรกๆ คุณอาจจะรู้สึกปวดเมื่อยได้อย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าคุณออกกำลังกายเป็นประจำอาการปวดเมื่อยเหล่านั้นก็จะน้อยลงค่ะ
5. คุณควรจะเปลี่ยนรูปแบบในการออกกำลังกายบ้างนะคะ เพื่อความสนุก เพิ่มความหลากหลาย และไม่น่าเบื่อ เพราะแต่ละกีฬาก็มีข้อดีแตกต่างกันออกไป ยังไงก็สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปบ้างก็ดีค่ะ
6. คุณควรดื่มน้ำก่อนออกกำลังกายประมาณ 3 ชั่วโมง ประมาณ 2-3 แก้ว และในระหว่างเล่นก็ควรดื่ม 1-2 แก้ว เพื่อเป็นการชดเชยการสูญเสียน้ำระหว่างที่ออกกำลังกายและป้องกันไม่ให้ร่างกายเกิดอาการเกร็งเป็นตะคริว,คลื่นไส้หรือปวดหัว เนื่องจากภาวะขาดน้ำนั่นเอง
7. ไม่ควรดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกาย เพราะสารคาเฟอีน จะไปกระตุ้นการทำงานของหัวใจทำให้รู้สึกเหนื่อยหอบระหว่างที่ออกกำลังกายได้ค่ะ
อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้นค่ะ เพียงแต่ว่าคุณต้องออกกำลังกายด้วยความเหมาะสม ด้วยความพอดี เพื่อร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยยังไงล่ะคะ
ผลดีของการออกกำลังกาย
- การออกกำลังจะทำให้รูปร่างดูดี กล้ามเนื้อแข็งแรง ลดไขมันที่สะสมตามส่วนต่างๆของร่างกาย ช่วยลดน้ำหนัก
- ป้องกันโรคหัวใจ หัวใจแข็งแรงขึ้น ลดโอกาสเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ และกล้ามเนื้อหัวใจตาย
- ความดันโลหิตลดลง ลดโอกาสเกิดความดันโลหิตสูง และเส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบตัน
ป้องกันโรคอ้วน
- ป้องกันโรคกระดูกพรุน เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้น
- ป้องกันโรคกระดูกพรุน เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้น
- ป้องกันและรักษาโรคเบาหวาน
- ป้องกันโรคภูมิแพ้
-เพิ่มภูมิต้านทานโรค
- ลดไขมัน ในเลือด ทำให้โคเลสเตอโรล, ไตรกลีเซอไรด์, LDLลดลง
- เพิ่มไขมันดี ในเลือด คือ HDL ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ
- ทำให้ร่างกายสดชื่น ลดความเครียด จากการที่สมองผลิตฮอร์โมนชนิดหนึ่งชื่อ เอนดอร์ฟิน ออกมา
- ในขณะออกกำลังกาย ฮอร์โมนนี้มีลักษณะคล้ายมอร์ฟีน จึงทำให้รู้สึกเป็นสุข
- ช่วยให้นอนหลับสบายและหลับสนิท
- ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ระบบขับถ่ายดีขึ้น ช่วยให้ท้องไม่ผูก เพราะลำไส้มีการขยับตัวดีขึ้น
หลักการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
-ไม่เคร่งเครียด สนุกสนานเพลิดเพลิน
-ต้องใช้วิธีค่อยทำค่อยไป
-ต้องให้ทุกส่วนของร่างกายได้ออกกำลังกาย
-การออกกำลังกายควรทำโดยสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ๆ ละ 20 - 30 นาที
การออกกำลังกายแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
-ช่วงยืดเหยียดและอบอุ่นร่างกาย 5 – 10 นาที
-ช่วงแอโรบิค 20 – 30 นาที
-ช่วงผ่อนคลาย 5 – 10 นาที
สรุป ข้อควรปฏิบัติในการ ออกกำลังกาย
-ออกกำลังกาย เป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วันครั้งละ 30 นาที
-ออกกำลังกายแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่าหักโหม
-ควรอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกายและผ่อนคลายก่อนเลิกออกกำลังกาย
-ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย
-ออกกำลังกายที่ให้ความสนุกสนาน
-การแต่งกายให้เหมาะสมกับชนิดของการออกกำลังกาย
-ออกกำลังกายในสถานที่ปลอดภัย
-ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว ต้องตรวจสุขภาพก่อนออกกำลังกาย
2. ถ้าเหนื่อยจากการออกกำลังกายก็หยุดนะคะ อย่าออกกำลังกายแบบหักโหม อย่าฝืนสังขารตัวเองและกำลังของตัวเองเด็ดขาด เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาดได้ง่ายและเกิดอันตรายต่อร่างกายได้
3. ก่อนออกกำลังกายทุกครั้งควรวอร์มร่างกายก่อนนิดนึงนะคะ เพื่อเป็นการปรับอุณหภูมิให้ร่างกายพร้อมและเตรียมกล้ามเนื้อเพื่อยืดและคลายตัวอย่างยืดหยุ่น ส่วนเวลาที่ออกกำลังกายเสร็จก็ควรวอร์มอัพด้วยเช่นกัน เพื่อช่วยลดการปวดเมื่อยในวันรุ่งขึ้นยังไงล่ะคะ
4. เวลาที่ออกกำลังกายในช่วงแรกๆ คุณอาจจะรู้สึกปวดเมื่อยได้อย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าคุณออกกำลังกายเป็นประจำอาการปวดเมื่อยเหล่านั้นก็จะน้อยลงค่ะ
5. คุณควรจะเปลี่ยนรูปแบบในการออกกำลังกายบ้างนะคะ เพื่อความสนุก เพิ่มความหลากหลาย และไม่น่าเบื่อ เพราะแต่ละกีฬาก็มีข้อดีแตกต่างกันออกไป ยังไงก็สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปบ้างก็ดีค่ะ
6. คุณควรดื่มน้ำก่อนออกกำลังกายประมาณ 3 ชั่วโมง ประมาณ 2-3 แก้ว และในระหว่างเล่นก็ควรดื่ม 1-2 แก้ว เพื่อเป็นการชดเชยการสูญเสียน้ำระหว่างที่ออกกำลังกายและป้องกันไม่ให้ร่างกายเกิดอาการเกร็งเป็นตะคริว,คลื่นไส้หรือปวดหัว เนื่องจากภาวะขาดน้ำนั่นเอง
7. ไม่ควรดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกาย เพราะสารคาเฟอีน จะไปกระตุ้นการทำงานของหัวใจทำให้รู้สึกเหนื่อยหอบระหว่างที่ออกกำลังกายได้ค่ะ
อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้นค่ะ เพียงแต่ว่าคุณต้องออกกำลังกายด้วยความเหมาะสม ด้วยความพอดี เพื่อร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยยังไงล่ะคะ
ผลดีของการออกกำลังกาย
- การออกกำลังจะทำให้รูปร่างดูดี กล้ามเนื้อแข็งแรง ลดไขมันที่สะสมตามส่วนต่างๆของร่างกาย ช่วยลดน้ำหนัก
- ป้องกันโรคหัวใจ หัวใจแข็งแรงขึ้น ลดโอกาสเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ และกล้ามเนื้อหัวใจตาย
- ความดันโลหิตลดลง ลดโอกาสเกิดความดันโลหิตสูง และเส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบตัน
ป้องกันโรคอ้วน
- ป้องกันโรคกระดูกพรุน เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้น
- ป้องกันโรคกระดูกพรุน เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้น
- ป้องกันและรักษาโรคเบาหวาน
- ป้องกันโรคภูมิแพ้
-เพิ่มภูมิต้านทานโรค
- ลดไขมัน ในเลือด ทำให้โคเลสเตอโรล, ไตรกลีเซอไรด์, LDLลดลง
- เพิ่มไขมันดี ในเลือด คือ HDL ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ
- ทำให้ร่างกายสดชื่น ลดความเครียด จากการที่สมองผลิตฮอร์โมนชนิดหนึ่งชื่อ เอนดอร์ฟิน ออกมา
- ในขณะออกกำลังกาย ฮอร์โมนนี้มีลักษณะคล้ายมอร์ฟีน จึงทำให้รู้สึกเป็นสุข
- ช่วยให้นอนหลับสบายและหลับสนิท
- ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ระบบขับถ่ายดีขึ้น ช่วยให้ท้องไม่ผูก เพราะลำไส้มีการขยับตัวดีขึ้น
หลักการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
-ไม่เคร่งเครียด สนุกสนานเพลิดเพลิน
-ต้องใช้วิธีค่อยทำค่อยไป
-ต้องให้ทุกส่วนของร่างกายได้ออกกำลังกาย
-การออกกำลังกายควรทำโดยสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ๆ ละ 20 - 30 นาที
การออกกำลังกายแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
-ช่วงยืดเหยียดและอบอุ่นร่างกาย 5 – 10 นาที
-ช่วงแอโรบิค 20 – 30 นาที
-ช่วงผ่อนคลาย 5 – 10 นาที
สรุป ข้อควรปฏิบัติในการ ออกกำลังกาย
-ออกกำลังกาย เป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วันครั้งละ 30 นาที
-ออกกำลังกายแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่าหักโหม
-ควรอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกายและผ่อนคลายก่อนเลิกออกกำลังกาย
-ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย
-ออกกำลังกายที่ให้ความสนุกสนาน
-การแต่งกายให้เหมาะสมกับชนิดของการออกกำลังกาย
-ออกกำลังกายในสถานที่ปลอดภัย
-ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว ต้องตรวจสุขภาพก่อนออกกำลังกาย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น